รูปที่ 1 แสดงลักษณะของวงจรในแผนภาพกรอบส่วนที่ „ , ? , †
2. Monostable คือ วงจรกำเนิดสัญญาณพัลส์สี่เหลี่ยมที่ควบคุมความกว้างของพัลส์ได้ด้วยขนาดของ R8 และ C2 ดังแสดงในรูปที่ 2 ดังนั้นสัญญาณด้านออกของออปแอมป์ (IC4) จะเป็นพัลส์สี่เหลี่ยมขนาดเล็กที่มีความกว้างของพัลส์คงที่ โดยปกติควรให้ความกว้างของพัลส์นี้มีขนาดโตกว่าขนาด ton ของไทริสเตอร์ที่ต้องการจุดชนวน เช่น ถ้าไทริสเตอร์มีค่า ton = 50 mS ควรสร้างความกว้างของพัลส์โตกว่า 50 mS เช่น 100 mS เป็นต้น และพัลส์สี่เหลี่ยมที่ออกจาก IC4 นี้ จะเลื่อนไปมาได้ระหว่างครึ่งวัฎจักรของบวกของรูปคลื่นไซน์ คือช่วงเวลาระหว่าง wt = 0 ถึง wt = p โดยการปรับค่าของตัวต้านทาน R7 ลักษณะของรูปคลื่นในจุดที่ ‡ แสดงในรูป 2
3 Driver & Isolator คือ วงจรภาคขับและทำหน้าที่เป็นฉนวนกั้นระหว่างวงจรจุดชนวนกับวงจรกำลังที่ไทริสเตอร์ต่ออยู่ โดยใช้ทรานซิสเตอร์ชนิด NPN (Q1) เป็นตัวสวิตชิ่ง โดยR9 เป็นตัวต้านทานเบส คำนวณค่า R9 จากขนาดของแรงดันที่จุด ‡ และ T1 คือ พัลส์หม้อแปลงที่ทำหน้าที่แยกสัญญาณที่เบสของทรานซิสเตอร์ (Q1) กับสัญญาณ VGK ที่ด้านออกของวงจร เพื่อไม่ให้มีการเชื่อมโยงทางไฟฟ้าถึงกันระหว่างภาคควบคุมกับภาคกำลัง เป็นการป้องกันวงจรควบคุมไม่ให้เกิดอันตราย ขณะที่วงจรกำลังเกิดลัดวงจรขึ้น ขนาดอัตราส่วนของหม้อแปลงพัลส์ขึ้นอยู่กับขนาดแรงดัน VGK เช่น ถ้าต้องการ VGK = 3 Vp และแหล่งจ่าย +V = 15 V ดังนั้นอัตราส่วนของหม้อแปลงพัลส์ คือ 5 : 1 เป็นต้น ไดโอด D2 ทำหน้าที่เป็นไดโอดไฟลวีล ป้องกันไม่ให้ Q1 ได้รับแรงดัน Back e.m.f จากการเปิด-ปิดของ Q1 และไดโอด D3 ทำหน้าที่ป้องกันกระแสย้อนกลับเข้ามาที่ขา G ของวงจร ตัวต้านทาน R10 คือ Stable resistor ทำหน้าที่รักษาขนาดและรูปร่างของสัญญาณพัลส์ด้านออกให้คงที่ รูปคลื่นของพัลส์จุดชนวนด้านออกของวงจร คือแรงดันจุดที่ ˆ ในรูป 2
รูปที่ 2 แสดงลักษณะของวงจรในแผนภาพกรอบส่วนที่ ‡
